ในประวัติศาสตร์โลกที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงนั้น นับได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรมของมวลมนุษย์ชาติเลยก็ว่าได้นะคะ นับตั้งแต่เริ่มต้นประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติที่เก่าแก่ที่สุดเหล่านี้ ได้สูญหายไปในประวัติศาสตร์ ตัวอย่างเช่น เกาะ Thera ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโบราณ ปัจจุบันคือเมืองซานโตรินี ประเทศกรีซ ประสบมหันตภัยจากการปะทุของภูเขาไฟครั้งใหญ่ ที่ทำลายอารยธรรมมิโนอันทั้งหมดเมื่อประมาณ 1600 ปีก่อนคริสตกาล
1.แผ่นดินไหวที่อเลปโป
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ปี 1138 พื้นดินใต้เมืองอเลปโปของซีเรียเริ่มสั่นสะเทือน เมืองนี้ตั้งอยู่บนจุดบรรจบกันของแผ่นเปลือกโลกอาหรับและแอฟริกา ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดแผ่นดินไหว แต่ครั้งนี้มีความรุนแรงเป็นพิเศษ นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยรายงานว่า ป้อมปราการและบ้านเรือนพังทลายทั่วทั้งอเลปโป ยอดผู้เสียชีวิตโดยประมาณอยู่ที่ 230,000 ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวมาจากศตวรรษที่ 15 และนักประวัติศาสตร์ที่รายงานว่าอาจรวมแผ่นดินไหวที่อเลปโปกับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศจอร์เจียในยุคปัจจุบันของยูเรเซียจากรายงานที่มีการบันทึกไว้ในปี 2004 ในวารสาร Annals of Geophysics แผ่นดินไหวและสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547/ค.ศ.2004 แผ่นดินไหวขนาด 9.1 ริกเตอร์ ระดับความหายนะที่เกิดขึ้นใต้ทะเลนอกชายฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ธรณีพิฆาตครั้งนั้นก่อให้เกิดสึนามิขนาดมหึมาซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 230,000 คน และทำให้ผู้คนเกือบ 2 ล้านคนต้องพลัดถิ่นใน 14 ประเทศในเอเชียใต้ และประเทศในแอฟริกาตะวันออก คลื่นสึนามิเดินทางด้วยความเร็ว 500 ไมล์ต่อชั่วโมง (804 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) มาถึงแผ่นดินในเวลาเพียง 15 ถึง 20 นาทีหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ทำให้ผู้คนในบริเวณดังกล่าวมีเวลาน้อยมากๆ ที่จะหนีไปยังที่สูง

2.แผ่นดินไหวที่ไห่หยวน
แผ่นดินไหวที่ไห่หยวนเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดที่บันทึกในประเทศจีนในศตวรรษที่ 20 ด้วยขนาดและความรุนแรงสูงสุด” เติ้ง ฉีตง นักธรณีวิทยาจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน กล่าวในระหว่างการสัมมนาในปี 2010 แผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นที่มณฑลไห่หยวนทางตอนเหนือของจีนตอนกลางเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2463 ยังได้สั่นสะเทือนจังหวัดกานซู่และมณฑลส่านซีที่อยู่ใกล้เคียง ตามรายงานมีขนาดความรุนแรง 7.8 ตามมาตราริกเตอร์ แต่จีนอ้างว่า มีขนาด 8.5 ริกเตอร์ นอกจากนี้ยังมีความคลาดเคลื่อนในจำนวนผู้เสียชีวิต โดย USGS รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 200,000 คน แต่จากการศึกษาในปี 2010 โดยนักแผ่นดินไหววิทยาชาวจีนระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 273,400 คน ทั้งนี้ ดินเหลืองที่มีตะกอนสะสมอยู่มากในภูมิภาค (ตะกอนที่มีรูพรุนและเป็นดินปนทรายที่ไม่เสถียรมาก) ก่อให้เกิดดินถล่มขนาดมหึมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30,000 ราย (จากผลการศึกษาปี 2020 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Landslides)

3.พายุไซโคลนโครินกาปี 1839
พายุไซโคลน Coringa ได้พัดขึ้นฝั่งที่เมืองท่าโครินกาบนอ่าวเบงกอลของอินเดียเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2382 เป็นพายุที่มาขนาดความรุนแรงถึง 40 ฟุต (12 เมตร) ข้อมูลจากแผนกวิจัยพายุเฮอริเคนมหาสมุทรแอตแลนติกและอุตุนิยมวิทยาของ NOAA ไม่ทราบความเร็วลมที่แท้จริงและประเภทของพายุเฮอริเคน เช่นเดียวกับพายุหลายลูกที่เกิดขึ้นก่อนศตวรรษที่ 20 ส่งผลให้เรือประมาณ 20,000 ลำถูกทำลาย รวมถึงชีวิตของผู้คนประมาณ 300,000 คน ครองอันดับร่วมกับพายุไซโคลนโครินกาในอันดับ 6 ที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดคือพายุไต้ฝุ่นในปี ค.ศ. 1881 ที่ถล่มเมืองท่าไฮฟองทางตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนามเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม เชื่อกันว่าพายุลูกนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วประมาณ 300,000 คน

4.แม่น้ำแยงซีท่วมเมื่อปี พ.ศ. 2474
ปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักในภาคกลางของจีนในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมปี 2474 ก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก นั่นคือ น้ำท่วมพื้นที่ตอนกลางของจีนในปีค.ศ. 1931 เมื่อแม่น้ำแยงซีไหลล้นตลิ่งโดยมีหิมะในฤดูใบไม้ผลิเข้าร่วมปะปนกับปริมาณน้ำฝนกว่า 600 มม. ที่ตกในช่วงเดือนกรกฎาคมเพียงเดือนเดียว (แม่น้ำเหลืองและทางน้ำขนาดใหญ่อื่น ๆ ก็ถึงระดับสูงเช่นกัน) จากข้อมูลในหนังสือ “ธรรมชาติของภัยพิบัติในประเทศจีน: น้ำท่วมแม่น้ำหยางในปี 1931 (สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์, 2018) น้ำท่วมในบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลเกือบ 70,000 ตารางไมล์ (180,000 ตารางกิโลเมตร) และเปลี่ยนแม่น้ำแยงซีให้กลายเป็นสิ่งที่ดูเหมือนทะเลสาบหรือมหาสมุทรขนาดยักษ์กันเลยทีเดียว ตัวเลขของรัฐบาลในปัจจุบันระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคน แต่หน่วยงานอื่นๆ รวมทั้ง NOAA กล่าวว่าอาจมีคนมากถึง 3.7 ล้านคน

5.โบลาไซโคลนปี ค.ศ.1970
พายุไซโคลนเขตร้อนนี้ได้พัดถล่มบังคลาเทศ (ขณะนั้นคือปากีสถานตะวันออก) เมื่อวันที่ 12-13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 จากข้อมูลของแผนกวิจัยพายุเฮอริเคนของ NOAA ความเร็วลมที่แรงที่สุดของพายุนั้นวัดได้ 130 ไมล์ต่อชั่วโมง (205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ทำให้พายุหมุนเทียบเท่ากับพายุเฮอริเคนระดับ 4 ในระดับพายุเฮอริเคนซัฟเฟอร์-ซิมป์สัน ก่อนขึ้นฝั่ง คลื่นพายุสูง 35 ฟุต (10.6 ม.) พัดถล่มเกาะต่ำ (low-lying islands) ที่อยู่ติดกับอ่าวเบงกอล ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง คลื่นพายุบวกกับการอพยพไม่ทันการส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ประมาณ 300,000 ถึง 500,000 คน รายงานปี 2514 จากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติและกรมอุตุนิยมวิทยาปากีสถานยอมรับถึงความท้าทายในการประเมินยอดผู้เสียชีวิตอย่างแม่นยำ เนื่องจากการไหลเข้าของคนงานตามฤดูกาลซึ่งอยู่ในพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าว องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุว่า พายุโบลาถือเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่อันตรายที่สุดเป็นประวัติการณ์ และก่อให้เกิดความเสียหายประมาณ 86,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
