7 ภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

หน้าแรก

 ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกของเราทุกวันนี้มีพิบัติภัยทางธรรมชาติเกิดขึ้นไม่ว่างเว้นในแต่ละวัน และนับวันจะยิ่งหนักและถี่ขึ้นไปเรื่อยๆ ตามสเต็ปการทำลายล้างของมนุษย์ที่หนักข้อขึ้นเช่นกัน เรียกว่าไม่มีใครยอมใคร แต่แน่นอนว่า เราทุกคนต่างก็รู้กันว่า บนเวทีที่ยิ่งใหญ่นี้ใครคือผู้มีชัย เพราะไม่ว่ามนุษย์จะพยายามเอาชนะธรรมชาติเพียงใดก็ตาม ที่สุดแล้วผู้ที่ต้องยอมศิโรราบก็คือเรา ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงนับเป็นนาฏกรรมธรรมดาของชีวิตมนุษย์นับตั้งแต่เริ่มต้นประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติที่เก่าแก่ที่สุดเหล่านี้ได้สูญหายไปในประวัติศาสตร์ ตัวอย่างเช่น เกาะ Thera ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโบราณ (ปัจจุบันคือเมืองซานโตรินี ประเทศกรีซ) ประสบมหันตภัยจากการปะทุของภูเขาไฟครั้งใหญ่ที่ทำลายอารยธรรมมิโนอันทั้งหมดเมื่อประมาณ 1600 ปีก่อนคริสตกาล จากผลการศึกษาปี 2020 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academies of Sciences แต่จริงๆ แล้วจะมีกี่ชีวิตที่สูญเสียไป? เราจะไม่มีวันรู้ อย่างไรก็ตาม ด้วยบันทึกทางประวัติศาสตร์และวารสาร อย่างน้อยนักประวัติศาสตร์สามารถประมาณจำนวนผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในยุคต่างๆ ได้ จากบันทึกดังกล่าว

1. แม่น้ำแยงซีท่วมเมื่อปี พ.ศ. 2474

ปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักในภาคกลางของจีนในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมปี 2474 ก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก นั่นคือ น้ำท่วมพื้นที่ตอนกลางของจีนในปีค.ศ. 1931 เมื่อแม่น้ำแยงซีไหลล้นตลิ่งโดยมีหิมะในฤดูใบไม้ผลิเข้าร่วมปะปนกับปริมาณน้ำฝนกว่า 600 มม. ที่ตกในช่วงเดือนกรกฎาคมเพียงเดือนเดียว (แม่น้ำเหลืองและทางน้ำขนาดใหญ่อื่น ๆ ก็ถึงระดับสูงเช่นกัน) จากข้อมูลในหนังสือ “ธรรมชาติของภัยพิบัติในประเทศจีน: น้ำท่วมแม่น้ำหยางในปี 1931 (สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์, 2018) น้ำท่วมในบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลเกือบ 70,000 ตารางไมล์ (180,000 ตารางกิโลเมตร) และเปลี่ยนแม่น้ำแยงซีให้กลายเป็นสิ่งที่ดูเหมือนทะเลสาบหรือมหาสมุทรขนาดยักษ์ ตัวเลขของรัฐบาลในปัจจุบันระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคน แต่หน่วยงานอื่นๆ รวมทั้ง NOAA กล่าวว่าอาจมีคนมากถึง 3.7 ล้านคน

2. แม่น้ำเหลืองท่วมในปี พ.ศ. 2430 

แม่น้ำเหลือง หรือ ฮวงโหว (Huang He) ในประเทศจีนตั้งอยู่เหนือพื้นที่ส่วนใหญ่รอบ ๆ อย่างไม่ปลอดภัย ในช่วงปลายทศวรรษ 1880 เนื่องจากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้สำหรับพื้นที่เพาะปลูกทางตอนกลางของจีน เมื่อเวลาผ่านไป เขื่อนเหล่านี้ก็กลายเป็นตะกอนที่ ค่อยๆ ยกแม่น้ำขึ้นสูง เมื่อฝนตกหนักทำให้แม่น้ำไหลเชี่ยวในเดือนกันยายน พ.ศ. 2430 ได้ไหลท่วมเขื่อนเหล่านี้ลงไปยังพื้นที่ราบลุ่มโดยรอบ บริเวณที่น้ำท่วมไพศาลถึง 5,000 ตารางไมล์ (12,949 ตารางกิโลเมตร) จากข้อมูลของ “สารานุกรมภัยพิบัติ: ภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมและโศกนาฏกรรมของมนุษย์” อุทกภัยครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตประมาณ 900,000 ถึง 2 ล้านคน

3. แผ่นดินไหวที่ส่านซี (SHAANXI) พ.ศ.2099 

 แผ่นดินไหวที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ได้เกิดขึ้นที่มณฑลส่านซีของจีนเมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1556 ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ “แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เจียจิง” หรือ  “Jiajing Great Earthquake” ตามชื่อจักรพรรดิที่ทรงครองราชย์ พายุได้ทำให้ขนาดพื้นที่ 621 ตารางไมล์ (1,000 ตารางกิโลเมตร) ของประเทศกลายเป็นซากปรักหักพัง จากข้อมูลของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ของจีน (Science Museums of China) มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ประมาณ 830,000 คน ตัวเลขขนาดความรุนแรงที่แน่นอนของแผ่นดินไหวครั้งนั้นสูญหายไปในประวัติศาสตร์ แต่นักธรณีฟิสิกส์ในปัจจุบันประเมินแรงสั่นสะเทือนไว้ที่ประมาณ 8 ริกเตอร์

4. โบลาไซโคลนปี พ.ศ. 2513

  พายุไซโคลนเขตร้อนนี้ได้พัดถล่มบังคลาเทศ (ขณะนั้นคือปากีสถานตะวันออก) เมื่อวันที่ 12-13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 จากข้อมูลของแผนกวิจัยพายุเฮอริเคนของ NOAA ความเร็วลมที่แรงที่สุดของพายุนั้นวัดได้ 130 ไมล์ต่อชั่วโมง (205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ทำให้พายุหมุนเทียบเท่ากับพายุเฮอริเคนระดับ 4 ในระดับพายุเฮอริเคนซัฟเฟอร์-ซิมป์สัน ก่อนขึ้นฝั่ง คลื่นพายุสูง 35 ฟุต (10.6 ม.) พัดถล่มเกาะต่ำ (low-lying islands) ที่อยู่ติดกับอ่าวเบงกอล ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง คลื่นพายุบวกกับการอพยพไม่ทันการส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ประมาณ 300,000 ถึง 500,000 คน รายงานปี 2514 จากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติและกรมอุตุนิยมวิทยาปากีสถานยอมรับถึงความท้าทายในการประเมินยอดผู้เสียชีวิตอย่างแม่นยำ เนื่องจากการไหลเข้าของคนงานตามฤดูกาลซึ่งอยู่ในพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าว องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุว่า พายุโบลาถือเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่อันตรายที่สุดเป็นประวัติการณ์ และก่อให้เกิดความเสียหายประมาณ 86,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

5. แผ่นดินไหวในเฮติปี พ.ศ. 2553

แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.0 ที่ถล่มเฮติทางตะวันตกเฉียงเหนือของปอร์โตแปรงซ์เมื่อวันที่ 12 มกราคมปี 2010 ถือเป็น 1 ใน 3 แผ่นดินไหวที่อันตรายที่สุดตลอดกาล เฮติเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งในซีกโลกตะวันตกและมีประวัติการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้เฮติเสี่ยงต่อความเสียหายและการสูญเสียชีวิตอย่างมาก ธรณพิโรธครั้งนี้มีผู้ได้รับผลกระทบมากถึง 3 ล้านคน รัฐบาลเฮติประเมินว่า มีผู้เสียชีวิตราว 230,000 คน แต่ในเดือนมกราคมปี 2011 ตัวเลขอย่างเป็นทางการได้รับการแก้ไขเป็น 316,000 คน ผลการศึกษาในปี 2010 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Medicine, Conflict and Survival ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตราว 160,000 ราย ในขณะที่ USGS อ้างว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่านั้น โดยอยู่ที่ประมาณ 100,000 ราย ความเหลื่อมล้ำของตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความยากลำบากในการนับจำนวนผู้เสียชีวิตแม้ในยุคปัจจุบัน ไม่ต้องพูดถึงการทะเลาะวิวาททางการเมืองที่มากยิ่งกว่าตัวเลข “ทางการ” เสียอีก

6. แผ่นดินไหวที่ไห่หยวน (HAIYUAN) พ.ศ.2463

“แผ่นดินไหวที่ไห่หยวนเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดที่บันทึกในประเทศจีนในศตวรรษที่ 20 ด้วยขนาดและความรุนแรงสูงสุด” เติ้ง ฉีตง นักธรณีวิทยาจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน กล่าวในระหว่างการสัมมนาในปี 2010 แผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นที่มณฑลไห่หยวนทางตอนเหนือของจีนตอนกลางเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2463 ยังได้สั่นสะเทือนจังหวัดกานซู่และมณฑลส่านซีที่อยู่ใกล้เคียง ตามรายงานมีขนาดความรุนแรง 7.8 ตามมาตราริกเตอร์ แต่จีนอ้างว่า มีขนาด 8.5 ริกเตอร์ นอกจากนี้ยังมีความคลาดเคลื่อนในจำนวนผู้เสียชีวิต โดย USGS รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 200,000 คน แต่จากการศึกษาในปี 2010 โดยนักแผ่นดินไหววิทยาชาวจีนระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 273,400 คน ทั้งนี้ ดินเหลืองที่มีตะกอนสะสมอยู่มากในภูมิภาค (ตะกอนที่มีรูพรุนและเป็นดินปนทรายที่ไม่เสถียรมาก) ก่อให้เกิดดินถล่มขนาดมหึมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30,000 ราย (จากผลการศึกษาปี 2020 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Landslides)

7. แผ่นดินไหวที่แอนติโอก (ANTIOCH) พ.ศ.1069

 เช่นเดียวกับภัยพิบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นนับพันปีมาแล้ว ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวที่เมือง Antioch นั้นคำนวณได้ยาก นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยอย่าง John Malalas เคยเขียนเล่าไว้ว่า มีผู้เสียชีวิตประมาณ 250,000 คนเมื่อแรงสั่นสะเทือนถล่มเมืองของจักรวรรดิไบเซนไทน์  หรือ Byzantine Empire (ปัจจุบันคือตุรกีและซีเรีย)ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 526 Malalas อ้างว่า ภัยพิบัติเกิดครั้งนี้เกิดจากพระพิโรธของพระเจ้าและรายงานว่า ไฟทำลายทุกสิ่งอย่างในเมืองอันทิโอกตามรายงานฉบับปี 2007 ใน The Medieval History Journal ยอดผู้เสียชีวิตสูงกว่าที่เคยเป็นในช่วงเวลาอื่นๆ ของปี เนื่องจากเวลานั้นเมืองนี้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่กำลังเฉลิมฉลองวันเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ซึ่งเป็นงานฉลองของชาวคริสต์ที่ระลึกถึงพระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์

Related Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *